น้ำมันปิโตรเลียม
ปิโตรเคมี…ผลผลิตจากมันสมองอัญชาญฉลาดของมนุษย์ โดยการแปรสภาพปืโตรเลียมที่สะสมอยู่ใต้พื้นโลกซึ่งสามารถนำมาทำผลิตภัณฑ์มากมายให้เกิดประโยชน์มหาศาล
ปิโตรเคมี….ผลิตผลจากปิโตรเลียม
เราพอจะทราบกันมาบ้างแล้วว่า ใต้พื้นโลกของเรานั้นมีปิโตรเลียม หรือที่เรารู้จักกันในรูปแบบของน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ เราขุดเจาะและนำปิโตรเลี่ยม ขึ้นมาใช้เป็นเชื้อเพลิงในภาค อุตสากรรม การขนส่ง และชีวิตประจำวัน
ส่วนปิโตรเคมีนั้นได้จากการนำปิโตรเลียม(น้ำมันหรือก๊าซธรรมชาติ) มาแปรสภาพโดยผ่านกระบวนการต่างๆ ของโรงกลั่นน้ำมัน หรือแยกก๊าซธรรมชาติโดยการใช้ความร้อน ความดันหรือการทำปฏิกิริยาสารเคมี เพื่อให้เกิดสารตัวใหม่ที่นำไปใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรม
ปิโตรเคมี ทำให้ได้ผลืตภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นต้น ขั้นกลางและปลายตามลำดับ จากนั้นผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นปลาย อาทิ เม็ดพลาสติก เส้นใยสังเคราะห์ ยาสงสังเคราะห์ หรือเคมีภัณฑ์ต่างๆจะถูกนำไปดึงเป็นเส้นใยหรือขึ้นรูปเป็นสิ่งของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันของเราอย่างมากมาย
กำเนิดปิโตรเลียม
เมื่อรู้แล้วว่า ปิโตรเคมีเกิดจากกระบวนการแปรสภาพปิโตรเลียม ดังนั้น ตอนนี้เรามาทำความรู้จักปิโตรเลียมกันให้มากขึ้นอีกสักนิดดีกว่า หากย้อนเวลากลับไปเมื่อกว่า 500 ล้านปีก่อน บนโลกของเรามีพืชและสัตว์กระจัดกระจายอยู่เป็นจำนวนมาก เมื่อสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ตายลง ก็เน่าเปื่อยทับถมกันเป็น เวลาหลายร้อยล้านปีภายใต้ความร้อยและแรงกดดัน ก่อนสลายตัวเป็นอินทรีย์สารตามธรรมชาติแล้วแปรสภาพเป็นน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติที่เรียกรวมกันว่า “ปิโตรเลียม”
ปิโตรเลียมอยู่ในสภานะทั้งของแข็ง และเหลว และก๊าซเมื่อถูกกดทับมากๆจะไหลแล้วไปสะสมตัวอยู่ในชั้ยหินกักเก็บหรือหินอุ้มปิโตรเลีนม ซึ่งขั้นหินนี้มีได้ 2 ลักษณะคือ
1. เป็นชั้นหินที่มีรูพรุน เป็นที่กักเก็บของเหลวหรือก๊าซ ซึ่งหากน้ำมันดืบหรือก๊าซธรรมชาติ เกิดรวมกัน ส่วนที่เป็นก๊าซซึ่งมี น้ำหนักเบาก็จะลอยตัวสะสมอยู่ส่วนบน ส่วนน้ำหนักกว่าก๊าซน้ำมันดิบ จะแยกตัวอยู่ส่วนล่างสุด
2.เป็นชั้นหินที่มีความสามารถในการไหลซึมได้ หรือลักษณะคล้ายน้ำที่ซึมอยู่ในรูพรุนของฟองน้ำ เช่น ชั้นหินทราย และชั้นหินปูน
ปิโตรเลียมในหินอุ้มนี้ หากไม่มีสิ่งใดกีดขวาง ก็จะพยายามซึมเล็ดลอดขึ้นสู่พื้นผิว และระเหยหายไปในที่สุด ดังนั้นปิโตรเลียมจะเกิดได้ต่อเมื่อมีหินปิดกั้นปิโตรเลียม (cap rocks) มาปิดกั้นไวเเป็นแหล่งกักเก็บ ปืโตรเลียมจึงถูกกักเก็บสะสมตัวอยู่ใต้ผิวโลก เพื่อรอวันให้เราได้นำมาใช้ประโยชน์ต่อไป